วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เหยื่อปลาเกล็ดที่ได้ผลดีที่สุด




      เมื่อสักประมาณ  20  ปีก่อน  นักตกปลามักนิยมตกปลาสวายกันหน้าดินและตกปลาเกล็ดโดยใช้ทุ่นลอยโดยเฉพาะการตกปลาเกล็ดโดยใช้ทุ่นนั้น  เมื่อปลาเข้ามาเล่นเหยื่อจะให้ความรู้สึกที่เพลิดเพลินและตื่นเต้นมาก  เฝ้าดูทุ่นที่พลิ้วไหวไปมา  คอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ทุ่นจะจม  หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเหยื่อปลาเกล็ดถึงนิยมใส่นมเป็นส่วนผสมเริ่มแรกก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำให้เหยื่อจับตัวกันดีและละลายช้า  แต่พอใช้น้ำเปล่าใส่แทนจึงได้ถึงบางอ้อ  ตอนนั้นที่ใช้นมก็เพียงแต่ต้องการกลิ่นของมัน  เลยเลือกใช้โฟรโมสต์กลิ่นกล้วยหอมกล่องสีเหลือง ตอนนี้คงไม่มีขายแล้ว(ผู้เขียนอยู่ในสหรัฐฯขณะนี้) ๋ก็ใช้นมรสหวานธรรมดาใส่หัวเชื้อกล้วยหอมเพียง 1 หยดเท่านั้น ครั้งแรกที่ใช้บึงรัชดาตรงข้ามปิบอินเจ๋งไปนานแล้ว  เข้าบ่อไปตอนบ่ายสลบกันทั้งบ่อมีเกือบ20 ึคัน  2  ช.ม. ตีไปได้แค่ 8  เม็ดได้ 8 ตัว หลังจากนั้นก็ตะเวณแข่งตามบ่อต่างๆ กวาดเงินรางวัลและถ้วยมามาก เหยื่อนี้นอกจากใช้ได้ดีตามบ่อตกปลาทั่วไปแล้วยังใช้ได้ดีในแหล่งธรรมชาติด้วย
ปลาที่ตกได้ปลาเกล็ดกินพืชแทบทุกชนิด  (ตัวสุดท้ายที่ตกได้ปลายี่สกหนัก  3  กิโล  ที่แม่น้ำบางปะกง)
ส่วนผสม
1. รำ
2.ข้าวสาร หรือ ข้าวเหนียว
3.งา
4.น้ำตาลทราย( เพื่อเพิ่มความหวานให้เหยื่อ)(รสชาดของเหยื่อทำให้ปลาเข้าแล้วไม่จากจนกว่าจะโดนเบ็ดหรือเหยื่อหมด)
5.นมรสหวาน
6.กลิ่นกล้วยหอม( เพียงหยดเดียว/นม 1 กล่อง )(ต้องการเพียงแค่กลิ่นหอมจางๆ เท่านั้น)
วิธีทำ
1.   ตั้งกะทะ  นำ  1  2  3  มาคั่วทีละอย่างจนหอมเหลือง(ระวังอย่าให้ไหม้)2.  นำ 2  3  มาปั่นละเอียด  ระวังอย่าให้ติดกลิ่นพริกจากเครื่องบดเป็นอันขาด  ( ไม่งั้นคุณอาจรับประทานแห้วได้ )3.  นำทุกอย่างผสมเข้ากัน  หอมอย่าบอกใครเชียว
วิธีใช้
1. ตะกร้อหน้าดิน  และเม็ดโฟ     UPDATE  ส่วนผสม  รำ  1  กิโล  ข้าวคั่ว  งา(ขาว)คั่ว  นำ ้ตาลทราย  ประมาณครึ่งกระป๋องนมข้น  ผสมเข้ากัน  แบ่งมาผสมกับ นมที่ผสมหัวเชื้อแล้ว 1 กล่อง จะได้ไม่เปลืองเงินซื้อนม  อีก   อย่างเหยื่อเหลือก็ทิ้ง  มาพูดปลอบใจตัวว่าอ่อยอีก  เสียดายของ  ส่วนผสมก็ลองดูกะกะเอา   เพราะผมส่วนใหญ่ก็ใช้ความชำนาญในการผสม  ไม่ต้องตวงหรอกมือนะกำ ๆ  เอา  ดม   พอหอมก็ลุยได้แล้ว เริ่มเข้าสู่ตำนานเหยื่อปลาเกล็ด   เหยื่อที่คุณจะประทับใจ  





   

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะการตกปลาที่เขื่อน จุฬาภรณ์

 ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่าผมหาไช่ซงไช่เซียนอะไรเป็นเพียงแค่คนที่ตกปลามากว่า30ปีเท่านั้นความรู้ที่จำมาจากประสบการณ์ก็แค่งูๆปลาๆ แค่พอแนะนำมือใหม่ๆ(เท่านั้นนะครับ)เอาเป็นว่าเริ่มกันเลยนะครับ
1.การตกปลาสิ่งแรกคือต้องหาหมายก่อนนะครับถ้าเป็นหมายเก่าที่เคยมีคนตกอยู่เป็นจำนวนมาก อันนี้ยากหน่อยนะครับ แต่ถ้าเป็นหมายที่ต้องเข้าไปลึกๆหรือนอนค้างคืน(พูดเเล้วอยากไปจัง) ค่อนข้างง่ายครับสิ่งเเรกต้องหาทำเลที่เหมาะๆ(บนฝั่งก็พิจารณาเอาเองนะครับ)ให้ดูที่ระดับน้ำเป็นสำคัญบางจุดยืนบนฝั่งตีไป50-60เมตรแล้วเป็นระดับน้ำที่ตื้นไม่พ้นหน้าอกอันนี้ ไม่ดีครับจุดที่ดีควรเป็นทางลาดลงจากเนินเขาหรือเนินดินที่พอตีเป็ดเเล้วต้องลึกพอสมควร (เทสดูได้จากการตีเหยื่อรำแล้วนับดูว่ารำตกลงถึงพื้นเมื่อใดอย่างน้อยเวลาเหยื่อตกลงน้ำแล้วควรนับได้ไม่ต่ำกว่า5-7วินาทีครับ)
2.เริ่มอ่อยเหยื่อเป็นเวลาอย่างน้อยสุด2-3วันนะครับโดยใช้เรือไปทิ้งรำอ่อยไว้ทุกๆวันวันละประมาณ15-30ก.ก.
3.อย่างใช้สูตรให้ยุ่งยากควรใช้รำใหม่ๆผสมขนมปังเเค่นี้ก็พอผสมเป็นก้อนๆหรือบางครั้งอาจจะใช้รำที่ไม่ได้ผสมใส่กระสอบปุ๋ยขนาดไม่ต่ำกว่า50ก.ก. แล้วเจาะรูไว้ให้ทั่วทั้งกระสอบจะเอาหินถ่วงด้วยซักก้อนก็ได้แล้วพายเรือไปทิ้งไว้บริเวรที่เราจะตก
4.ช่วง1-2วันแรกอย่าไปตกก่อนน่าจะรอดูให้ปลาเข้าก่อน โดยสังเกตุจากการขึ้นเล่นน้ำของปลาตอนเช้าๆหรือคอยดูจากฟองอากาศที่ขึ้นของปลา
5.พอเห็นว่าปลาเริ่มเข้าแล้วก็ผสมเหยื่อแล้วเริ่มตกได้
ปล.อย่าลืมดูบริเวรที่จะตกที่สำคัญไม่ควรจะมีต้นไม้ตายซากอยู่มากเกินไปเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเวลาปลากินเหยื่อแทบทุกตัวอาจจะต้องลงดำน้ำลงไปปลดปลานะครับ ส่วนถ้าไปตกบริเวรที่คนตกกันเยอะๆเหยื่อน่าจะเป็นแบบนี้ครับ
1.ถ้ามีเพื่อนที่ตกก่อนเราก็ไปขอคำเเนะนำเรื่องเหยื่อจากเขาเลยเพราะการที่เขาตกก่อนเราปลาจะเคยชินกับเหยื่อที่เขาใช้
2.ถ้ามีเวลามากพอก็ทำเหยื่อสูตรของเราเอง(ดูได้จากกระทู้สูตรเหยื่อของอิสานฟิชชิงของเราได้นะครับ)เอาแบบกลิ่นค่อนข้างแรง น่าจะเป็นตระกูลเหยื่อหมักนะครับออกแนวเปรี้ยว+หอมๆก็พอได้แต่ที่สำคัญอย่าครับย้ำหย่าทำเหยื่อให้แข็งจนเกินไปไม่ไช่ว่าแช่เป็นชั่วโมงแล้วลากขึ้นมาเหยื่อยังเป็นก้อนๆอยู่ ใช้ไม่ได้นะครับ เอานิ่มๆเวลาปลาเข้ากินเหยื่อจะได้กินง่ายๆทดสอบการละลายเหยือจากตระก้อว่าใช้เวลานานเท่าใด เวลาได้เหยื่อหมักมาก็ให้ผสมกับรำไหม่ๆนวดให้นานๆเเล้วจะผสมเศษขนมปังเข้าไปจะได้เหนียวขึ้น อาจจะผสมหัวเชื้อนิดหน่อยก็ได้เช่น กล้วย นมเนยครีม หรือเหมยเขียว วารีได้ทั้งนั้น แล้วเอาไปทิ้งบริเวรที่จะตกทุกวัน(เยอะๆหน่อยจะได้เปลี่ยนกลิ่นเหยื่อที่ปลาชอบมาเป็นกลิ่นของเราที่อ่อยไว้) อ่อยไว้ไม่น่าจะเกิน3-5วันปลาน่าจะเข้าของเรา(บ้าง)น่าจะได้ดึงนะครับพี่น้องครับ ขอให้โชกดีนะครับ...
ข้อเขียนนี้มิไช่ข้อเขียนที่ดี(มาก)แต่เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้กับพี่น้องขอผมเเละน้องๆมือใหม่ๆ หากท่านอื่นๆมีความเห็นเสริมได้จะดียิ่งขึ้นเพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้เเก่พี่ๆน้องๆของ่เรานะครับพี่น้องครับบบ...      

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เกมกีฬาตกปลาฉลาม


      ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า วิธีการตกปลานั้นไม่มีสูตรตายตัวเหมือนกับการเล่นกีฬาอื่นๆ  กฎของสมาคมกีฬาตกปลานานาชาติมีเพียงข้อบังคับไว้ว่า  อะไรควรทำหรือไม่ควรทำเท่านั้น  
     ดังนั้น  การที่คนๆหนึ่งใช้วิธีการตกปลาอย่างหนึ่ง  ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจใช้วิธีการแตกต่างกันก็ได้  ซึ่งก็ถือว่าไม่ผิด  เนื่องจากไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
การตกปลาฉลามก็เช่นเดียวกัน  มีวิธีตกกันได้หลายวิธีแตกต่างกันไป  แต่วิธีที่ผมเคยใช้ตกมาเป็นประจำ คือ (เดี๋ยวนี้หยุดตกแล้วครับ)
     รอกทรอลลิ่ง  ที่โครงสร้างแข็งแรง  ขนาดตั้งแต่ 30 ปอนด์ขึ้นไป  ส่วนคันเบ็ดจะเป็น คันทรอลลิ่ง  หรือคันสแตนด์อัพก็ได้  ขนาดเดียวกับรอก
     ตัวเบ็ด  ใช้ชนิดแข็งพิเศษ ขนาดตั้งแต่  8 / O ขึ้นไป ทั้งชนิด  เบย์คิงฮุค ( Bay king Hook )  ทูน่าฮุค (Tuna Hook) และ ไทแทนฮุค  (Titan Hook) ผูกต่อกันสักสองตัว  ตัวที่สองห่างจากตัวแรก โดยให้สั้นกว่าความยาวของตัวเหยื่อเล็กน้อย
     สายลีดเดอร์  ควรใช้เป็นแบบลวดถัก‹ลายเส้นจะเหมาะกว่าชนิดลวดเดี่ยว  (เพราะไม่มีโอกาสที่ลวดจะม้วนเป็นหูหนู ซึ่งจะทำให้ขาดได้ง่าย) จะเป็นลวดหุ้มไนล่อนหรือไม่ก็ได้  ขนาดแรงดึงประมาณ 2-3 เท่าของสายเบ็ด   ความยาว  2-3 เมตรขึ้นไป(คะเนว่าให้ยาวกว่าความยาวของฉลามที่คาดว่าจะมีอยู่ในบริเวณนั้น)  เพราะหากสั้นเกินไปเวลาที่ฉลามว่ายหนี ลำตัว และแพนหางของมันซึ่งมีความสากมากพอๆกับกระดาษทราย  ก็จะโบกเสียดสีกับสายเอ็นทำให้สายเอ็นขาดได้ง่ายๆ
     ลูกหมุน  ต้องมีขนดใหญ่ชนิด Ball Bearing หรือไม่ก็ได้  แต่ต้องทนแรงดึงได้ไม่ต่ำกว่าแรงดึงของสายลีดเดอร์  และควรหลีกเลี่ยงการใช้คลิพทุกชนิด
     ส่วนอุปกรณ์ช่วยอื่นได้แก่  เข็มขัดสู้ปลา,   ตะขอเกี่ยว,   เชือกขนาดใหญ่,   กระบองทุบหัวปลา (อันนี้สำคัญมาก  อย่าละเลยเป็นอันขาด)
     สำหรับเหยื่อใช้ได้หลายชนิดเช่น  ปลาเต็กเล้งปลาโอปลาสากหมึกหอม  ฯลฯ  เพราะฉลามเป็นปลาค่อนข้างตะกละ  กินปลาทุกอย่างที่พบเห็น  (จนได้ชื่อว่า ผู้เก็บขยะแห่งท้องทะเล)  ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องเหยื่อไม่ค่อยซีเรียสเท่าใดนัก  ใช้ปลาอะไรก็ได้ที่ตัวโตๆมาทำเหยื่อ พี่หลามชอบทั้งนั้น
     สำหรับผม ชอบใช้ปลาเต็กเล้งมาทำเหยื่อตกฉลาม  เพราะกลิ่นคาวจัด  หากในบริเวณนั้นมีฉลามอาศัยอยู่ไม่ไกลนักก็รับรองว่าได้อัดแน่ๆ
     วิธีเกี่ยวเหยื่อ  เอาเต็กเล้ง (ยิ่งตัวโตยิ่งดี) มาตัดท่อนหัวและท่อนหางออกให้เหลือความยาวราวๆฟุตเศษๆ   จากท่อนหางแล่ด้านข้างทั้งสองด้านขึ้นมาราวๆ 3-4 นิ้ว  หั่นกระดูกออก (เพื่อให้ปลายพริ้วไหวเมื่อน้ำไหล)  กรีดด้านข้างลำตัว (ไม่ใช่ส่วนที่แล่) ทั้งสองด้าน ให้เป็นบั้งๆ  สัก3-4 บั้ง  เอาเบ็ตตัวสุดท้ายเกี่ยวจากท่อนหัวของเต็กเล้งโดยวิธีฝังให้สายลีดเดอร์ซ่อนอยู่ในตัวเหยื่อ  (แบบเดียวกับใช้เข็มเย็บผ้า)  ไปจนเกือบสุดด้านปลายที่จุดสิ้นสุดของกระดูก  ใช้คมเบ็ดเกี่ยวฝังไว้ที่ส่วนปลายโดยให้ก้านเบ็ดฝังอยู่ในเนื้อปลาเต็กเล้งและปลายคมเบ็ดหงายออกมา  สำหรับเบ็ดตัวบนให้เกี่ยวซ่อนไว้ที่ปลายด้านบนของชิ้นเหยื่อ  ก็เป็นอันว่าจบกระบวนการเกี่ยวเหยื่อ
     เรื่องของปลาที่จะเอามาทำเหยื่อตกฉลามนี้  ผมเคยใช้ปลาช่อนน้ำจืดเป็นๆ โตขนาดประมาณข้อมือ เกี่ยวหลัง (แบบตกปลาชะโด) ที่หน้าพัทยา  ปรากฎว่าฉลามเข้ากินเหยื่ออย่างรวดเร็ว  จนการใช้ปลาช่อนน้ำจืดทำเหยื่อฮิทกันอยู่พักใหญ่  คุณๆเชื่อกันหรือไม่
     บริเวณที่จะลงเหยื่อ  ต้องเลือกเอาที่เป็นร่องน้ำลึกในบริเวณนั้น  ผูกตะกั่วถ่วง (ลูกค่อนข้างโต)  ห่างจากเหยื่อ  15~20 เมตร โดยประมาณ  เซ็ทเบรกของรอกค่อนข้างอ่อน  เพียงไม่ให้กระแสน้ำลากสายออกไปได้ก็พอ  ปักคันเบ็ดแล้วก็นั่ง รอ  รอ  รอ  ๆ ๆ ๆ ๆ จนกว่าฉลามจะหลงกลเข้ามากินเหยื่อ
     เมื่อสัญญาณรอกดังขึ้นเบา  อย่าเพิ่งจับคันมาตวัด  ปล่อยดูเชิงเขาก่อน  สักพักต่อมารอกจะร้องอีกเป็นจังหวะสั้นๆ  ต่อมาร้องอีกเป็นจังหวะก็ให้จับคันเบ็ดมาถือเตรียมพร้อมไว้  หากปลาคาบเหยื่อสัญญาณรอกก็จะร้องเป็นช่วงสั้นๆถี่   ต่อเมื่อสัญญาณดังรัวเสียงยาว  ยัง  อย่าตวัดคันเบ็ด  รอนับ  1-2-3-4-5  ช้าๆไปจนครบสิบแล้วเซ็ทเบรกให้เข้าที่  ตานี้หละ มีแรงเท่าไรก็ตวัดปลายให้สุดแรงเลย  หากจะตวัดแบบซาดิสม์ก็ล่อสักหลายๆครั้ง (ตามที่เห็นบ่อยๆในฟิชชิ่งปาร์คบางแห่ง)  ให้สะใจ   แล้วอัดเถิด  จะเล่นกันตัวต่อตัวมีรุม ก็แล้วแต่อัธยาศัย
     หากคุณเป็นผู้พิชิตได้โดยลากมาได้ถึงข้างเรือได้แล้ว  หากเป็นฉลามตัวโต  ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่อันตราย  ระวังอย่าเพิ่งใช้ตะขอไปเกี่ยวเขาเข้าล่ะ  ขั้นแรกให้พยายามใช้เชือกที่เตรียมไปทำเป็นบ่วง (อย่าลืมผูกปลายสายไว้กับเสาเรือให้แน่นหนามั่นคง) คร่อมสายเบ็ดแล้วพยายามหย่อนลงไปผูกที่โคนหางให้ได้  เมื่อคล้องได้แล้ว ดึงเชือกให่บ่วงรัดโคนหางจนแน่น  จากนั้นก็ผ่อนเบรกของรอกให้อ่อนสุด  และพาคันเบ็ดออกห่างจากบริเวณ  ดึงเชือกที่ผูกโคนหางให้ตึง ตะขอจะมีบทบาทในช่วงนี้แหละ  รีบใช้ตะขอเกี่ยว (หากเป็นไปได้เกี่ยวบริเวณใต้คาง  หรือหากเกี่ยวยากก็ให้เกี่ยวตรงส่วนท้อง  จะทำให้มันช็อคชั่วขณะ)  จากนั้นก็ช่วยกันลากเขาขึ้นมา  เมื่อลากเอาฉลามขึ้นมากองอยู่บนพื้นเรือได้แล้ว  สิ่งแรกที่ควรรีบทำก่อนอื่นเพื่อความปลอดภัย คือ  เอากระบองแพ่นกระบานให้หมดพิษสงเสียก่อน  ชะงัดที่สุดก็คือบริเวณปลายจมูก  แพ่นเข้าไป 2-3 เปรี้ยงก็จะสงบ  หลังจากนั้นจะแอ็คชั่นถ่ายภาพ หรือจะทำอะไรกันก็ตามสะดวก  แต่อย่างเพิ่งวางใจพี่แกให้มากนักนะ
     ตานี้  เมื่อได้ฉลามขึ้นมาแล้ว  คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่า  จะใช้ประโยชน์อะไรจากร่างของเขา  หากตกเพราะไม่คยตก  อยากจะรู้ว่าฉลามสู้เบ็ดรุนแรงขนาดไหน  บัดนี้คุณก็ได้สัมผัสรับรู้ถึงความมันทั้งหลายแหล่แล้ว  จากนี้ต่อไปอย่าตกเป็นตัวที่สองเลย  ปล่อยให้มันสืบพันธุ์มีลูกหลานกันต่อไปเหอะ  เพราะปัจจุบันนี้  แถวบางเสร่แหล่งฉลามที่ขึ้นชื่อลือนามในอดีต  แทบจะไม่มีฉลาม (ตัวโตๆ) ให้เห็นกันอีกแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เบ็ดไม้


       สมัยก่อนการทำคันเบ็ดนั้นไม่มีการใช้วัสดุแปลกปลอมเหมือนทุกวันนี้  คนโบราณ   ใช้ไม้ไผ่ในการทำคันเบ็ดเพราะเหตุที่ว่าไม้ไผ่นั้นมีความเหนียวแข็งแรงไม่หักง่ายเหมือนกับไม้ทั่วไป จึงมีการเลือกเฟ้นหาไม้ไผ่ที่มีลักษณะที่ดีมาทำคันเบ็ด  การเลือกไม้ไผ่มาทำคันเบ็ดนั้นก็ไม่ยากอะไรนัก  โดยมีเทคนิคดังนี้
ขั้นที่ 1 การเลือกก็ต้องเลือกไม้ไผ่ที่มีความแก่ๆ  ไม่ต่ำกว่าสามน้อง   นี้เป็นภาษาที่ใช้เรียกไม้ไผ่ที่จะนำมาใช้   คำว่าน้องหมายความว่า ปี สามน้องก็หมายความว่า   ไม้นั้น   มีอายุไม่ต่ำกว่า สามปีนั่นเองไม้ไผ่ที่แก่  จะมีเนื้อไม้ที่มีสีแดงเมื่อฟันไม้ดูที่โคนตอ   สีจะแดงจัดนั้นคือไม้แก่จัด หากว่าฟันดูแล้วไม่แดงมาก แสดงว่าไม้ไม่ได้อายุไม่ดีไม่เหมาะที่จะมาทำ   แต่ก็ใช้ได้เสียตรงที่ว่าอายุของการใช้งานจะไม่ยาว   และก็ไม้จะไม่มีความยืดหยุ่น
ขั้นที่  2  ดูปล้องของไม้   ไม้ที่เหมาะกับการที่จะนำมาทำคันเบ็ดนั้นปล้องจะต้องถี่มากๆ  ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี   เพราะจะทำให้ไม้มีความแข็งและสปริงตัวได้ดียิ่งขึ้น และปล้องจะต้องเสมอกันไปตลอดทั้งลำยันปลาย 
ขั้นที่  3  เมื่อตัดมาแล้วหงายตูใต้ไม้ตรงโคนนั่นแหละ   รูจะต้องตัน   หากจะมีรูก็อย่าให้มีมากนัก   ควรเลือกโคนที่ต้นดีที่สุด 
เมื่อได้สเป็กตามความต้องการแล้วก็นำเอามา  ตัด  เหลา  เกลา  กลึง   ให้เป็นที่เรียบร้อย   ใช้กระดาษทรายถูตามข้อให้เรียบ   อย่าใช้มีดเพราะว่ามีดจะทำให้เปลือก   หรือผิวของไม้ไผ่เสียฉีดขาด  ทางที่ดีเราควรใช้ไม้ไผ่นั่นแหละดีที่สุด   เมื่อทำการแต่งเรียบร้อยแล้ว   ขั้นตอนต่อไปคือการแช่ในน้ำเกลือ    ขั้นตอนนี้อาจจะยากเสียก่อน   หาท่อเอสล่อน   มาทำรางแช่ให้ได้ตลอดทั้งลำเอาน้ำเกลือ   เข้มข้นใส่ลงไปแล้วนำเอาไม้ไผ่แช่ให้ตลอดทั้งลำ  ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นสัก  10  วันให้น้ำเกลือซึมเข้าไปในเนื้อไม้ให้ทั่วจนอิ่มน้ำ ขั้นตอนนี้   เพื่อทำให้ไม้ไผ่รัดตัวแน่นขึ้นอีก   ไม้จะมีสปริงขึ้นอีกเท่าตัว  และยังเป็นการที่ทำให้เนื้อไม้ไม่มีอะไรมารบกวน  เช่น ปลวก  มอด  เป็นต้น เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วต่อไปก็เอาไม้ออกมาแล้วทำการถ่วง   วิธีการถ่วงนั้นไม่มีอะไรมากหรือยากเย็น  เพียงแต่เราหาที่สูงๆ  ขนาดที่แขวนไม้ไผ่ได้ทั้งลำโดยไม่ติดพื้น   เมื่อได้แล้วก็เอาไม้ไผ่แขวนเข้าให้แน่นหนาแล้วอะไรก็ได้ที่มีน้ำหนักมากๆ  ถ่วงเอาไว้อย่างนั้นหลายๆ   วันจนกว่าไม้จะแห้งสนิท  อย่าใจร้อนเป็นอันขาดให้แห้งจริงๆ  แล้วจึงปลดมาทำการผูกสายใส่เบ็ดนำเอาไปทดลองใช้ได้เลยครับ

การตกปลาชายฝั่งทะเลริมหาด( Surf fishing )

การตกปลาชายฝั่งทะเล (ริมหาด) Surf fishing

รูปแบบการตกปลาชายฝั่งทะเลด้วยเหยื่อจริงนั้นมีหลายลักษณะ ได้แก่ การตกหน้าดินการตกด้วยทุ่นลอย ซึ่งหวังผลได้น้อยกับหาดบ้านเรา โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้วิธีตกหน้าดิน ซึ่งพอจะ มีโอกาสสำเร็จบ้าง โดย เหยื่อที่ใช้ตกปลาหน้าดิน ขึ้นอยู่กับประเภทของปลาที่จะตก สามารถใช้ได้ทั้งเหยื่อเป็น และเหยื่อตาย โดยส่วนใหญ่เหยื่อเป็นจะเน้นตกปลาล่าเหยื่อ เช่น กะพง ปลาสีเสียด ปลาสาก ฯลฯ ซึ่งการตกปลาด้วยเหยื่อเป็น สำหรับตกชายฝั่งทะเล ค่อนข้างทำได้ยาก และไม่ค่อยนิยม เนื่องจากหวังผลได้ยากมาก ที่นิยมมากที่สุดก็จะเป็นใช้เหยื่อตาย โดยทั่วไปจะใช้เหยื่อสด เช่น ปลาหมึก ปลาทูแขก ปลากระบอก ปลาทราย ปู ซึ่งการตกปลาทะเลบริเวณที่มีโขดหิน นั้นนิยมใช้เหยื่อ ปลาหมึก และปลามากที่สุด โดยนำมาแล่ เป็นชิ้น แล้วเกี่ยวตก ปลาทะเลส่วนใหญ่จะกินปลาหมึกมากกว่าเหยื่อชนิดอื่น ปลาที่ได้ผลกับเหยื่อปลาหมึก เช่น ปลากะมงขาว ปลากะมงพร้าว ปลาครูดคราด ปลากุเลา ปลากะพงขาว ปลาเสียด ปลาเก๋า ปลากระเบน ปลาตะมะ ปลาปากแหนบ และปลาอื่นๆ ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ ด้วย เช่นบางพื้นที่ก็นิยมเหยื่อกุ้งครับ
การเลือกคันเบ็ด
การตกปลาชายฝั่งทะเลนั้น จำเป็นต้องทำระยะพอสมควร คันเบ็ดจึงต้องค่อนข้างแข็งแรง เวทค่อนข้างแข็ง ควรมีความยาว( Length) 9 ฟุต ขึ้นไป weight ของคันควร ประมาณ 12-25 lb กำลังดี ไม่ควรอ่อนเกินไป เพราะการงัดปลา ก็ทำได้ยาก และคันควรมีน้ำหนักเบา สปริงตัวได้เร็ว เช่น คันประเภท กราไฟท์ หรือไฟเบอร์ ก็ได้ และกำลังค่อนข้างสูงสปริงตัวดีดกลับได้ดี
การเลือกรอกตกปลา
รอกตกปลาหน้าดินชายฝั่งทะเลนั้น เลือกได้กว้าง เพียงแต่เลือกขนาดให้เหมาะสม ถ้าใหญ่เกินไป ก็จะหนักและตีเหยื่อทำระยะได้ไม่ดี ถ้าเล็กไป ก็จะจุสายได้น้อย รอกต้อง ทนต่อน้ำเค็มได้ดี แข็งแรง และ ดูแลรักษาง่ายครับ
การเลือกสาย
สายเอ็นที่ใช้ ต้องคำนึงให้เหมาะสมกับรอกและคัน จะสามารถทำระยะได้ไกล และ แข็งแรงเพียงพอครับ
การเกี่ยวเหยื่อ
ขอแนะนำการเกี่ยวเหยื่อโดยใช้หมึก เพราะเหยื่อที่นิยมใช้ และได้ผลมากที่สุด ถ้าจะให้ดีที่สุด เหยื่อต้องสด จึงจะได้ผลดี (โดยไปตกหมึกมาทำเหยื่อเอง วิธีการเก็บปลาหมึกที่ตกได้นั้น ควรนำปลาหมึกที่ได้ใส่ในถุงมัดให้แน่นอย่าให้น้ำเข้าแล้วแช่แข็งไว้ สามารถเก็บไว้ตกได้นาน เนื้อปลาหมึกยังคงใส และสดอยู่ ข้อสำคัญคือ ไม่ควรแช่ปลาหมึกโดนน้ำแข็งโดยตรง จะทำให้เนื้อปลาหมึก สีข้น แข็ง ไม่เหมาะที่จะทำเหยื่อ ) แต่ถ้าไม่มีก็หาซื้อหมึกในตลาด ก็พอนำมาใช้ได้ครับ

การเลือกทำเล
นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะถ้าเลือกตำแหน่งไม่ดี โอกาสที่จะได้ปลามียากมาก จุดที่เหมาะสม สังเกตได้ง่ายโดย ถ้าจุดที่เราลงเหยื่อเพียงครั้งแรก ก็ติดหินแล้วแสดงว่า บริเวณนั้นหินค่อนข้างมาก ควรหลีกเลี่ยงไปจุดอื่นที่ใกล้เคียง เพราะปลา ปลามักอยู่บริเวณกองหิน ดังนั้นควรลงเหยื่อบริเวณใกล้ๆ กันครับ

ช่วงเวลาที่เหมาะสม
ช่วงเวลาที่ตกปลาหน้าดินได้ดีที่สุด มักจะเป็นช่วงเวลา ช่วงเช้า 05.30น .-9.30 น. และช่วงเย็นประมาณ 15.30 – 18.30 น. นอกนั้นก็มีโอกาสได้บ้าง ขึ้นอยู่กับ ระดับน้ำ สังเกตว่าการตกปลาโดยทั่วไปจะตกเวลาเดียวกันคือ ช่วงเช้า และช่วงเย็นครับ

ช่วงเวลาข้างขึ้น ข้างแรม
ในช่วงกลางวัน จะไม่ค่อยมีผลนัก แต่ถ้าเป็นการตกปลากลางคืน มักจะได้ผลกับช่วงข้างขึ้นมากๆ ตั้งแต่ 10 ค่ำ จนถึง 13 ค่ำ เพราะช่วงนี้ กระแสน้ำไม่ไหลแรงมากเกินไป ช่วงเวลาน้ำขึ้นและน้ำเต็ม ปลาจะกินดีกว่า โดยเวลาที่เหมาะที่สุด ปลากินดี คือ ช่วงเช้า และเย็น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นๆ ด้วยนะครับ

เบ็ด


  สวัสดีครับในฉบับนี้เราก็จะมาคุยกันเรื่องของ คันเบ็ดครับสำหรับคันเบ็ดก็มีด้วยกันหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะ
เป็นคันเล็กที่มีน้ำหนักเบาจนไปถึงคันขนาดใหญ่ที่ใช้ตกปลาทะเลครับ
 เราก็จะมาเริ่มกันที่เรื่อง  หน้าที่ของคันเบ็ด
คันเบ็ดสมัยใหม่ทำหน้าที่สำคัญหลายประการด้วยกัน แต่ละหน้าที่ล้วนมีส่วนสำคัญในการที่จะช่วยให้นักตกปลาตกปลาได้มากขึ้นหรือดีขึ้นกว่าไม่ใช้คันเบ็ดหรือคันเบ็ดแบบเก่า ลองรวบรวมหน้าที่ของคันเบ็ดกันดู
ทำหน้าที่เป็นเครื่องดีดเหยื่อออกไป
หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของคันเบ็ดคือช่วยเป็นตัวส่งเหยื่อ (ไม่ว่าเหยื่อจริงหรือเหยื่อปลอม) ให้พุ่งออกไปจากตำแหน่งที่นักตกปลายืนอยู่ไกลมากว่าการจับเหยื่อขว้างหรือแกว่งมากทีเดียว ในระหว่างการเหวี่ยงเบ็ด น้ำหนักของเหยื่อจะดึงคันเบ็ดให้โน้มกลับไปด้านหลัง เมื่อคันถูกโน้มเต็มที่แล้วสะบัดกลับไปข้างหน้า คันเบ็ดจะทำหน้าที่คล้ายคันธนูดีดหรือยิงเหยื่อออกไปด้วยความเร็วสูง เป็นผลให้เหยื่อพุ่งออกไปได้ไกล เมื่อใช้ประกอบกับรอกซึ่งปล่อยสายเบ็ดตามไปได้อีก เมื่อคุณใช้คันเบ็ดและรอกคุณจึงได้เปรียบคันไม้ไผ่ที่ตกปลาได้ชายน้ำไม่ไกลเกินกว่าความยาวของคันเบ็ดบวกกับความยาวของสายเบ็ดเท่านั้น
คัน รอก น้ำหนักเหยื่อ ประกอบกับเทคนิคในการเหวี่ยงที่เหมาะสม เป็นหัวใจของการตกปลาชายฝั่ง (SURF FISHING) ซึ่งต้องการส่งเหยื่อออกไปสู่ปลาบางพวกบางชนิด อังกฤษซึ่งมีฝั่งทะเลลาดมาก ปลาเกมไม่เข้าใกล้ชายฝั่งเกินกว่า 100 - 200 หลา นักตกปลาจำเป็นต้องพัฒนาอุปกรณ์และเทคนิคขึ้นมา เพื่อตกปลาให้ได้และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ จอห์น โฮลเด็น ตะแกเป็นนักตกปลาชาวอังกฤษที่ข้ามแอตแลนติคไปปักหลักทำมาหากินอยู่ในอเมริกาด้วยการสอนพวกแยงกี้ให้รู้จักการเหวี่ยงเบ็ดระยะไกล ตัวแกเองสามารถเหวี่ยงเหยื่อออกไปได้ไกลถึง 600 หลา (กว่าครึ่งกิโลเมตรหรือยาวกว่าสนามฟุตบอลต่อกันความยาวสองสนามเสียอีก) โฮลเด็นเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเหวี่ยงเบ็ดระยะไกลไว้สองเล่ม
ทำหน้าที่เป็นตัวกันกระชากสายเบ็ด
พูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ เหมือนกับเป็นโช้คอัพกันกระแทก สายเบ็ดที่ใช้กับคันเบ็ดสมัยใหม่จะไม่ใช้สายใหญ่เกินกว่าความจำเป็นหรือพยายามใช้สายให้เล็กที่สุดเท่าที่พอต่อสู้กับปลาได้เท่านั้น คุณสมบัติประการหนึ่งของสายเบ็ดไม่ว่าจะเป็นสายโมโนฟิลาเม้นท์หรือแดรคคอนคือสามารรับแรงดึงได้เต็มที่ของขนาดของสายเบ็ดได้ เมื่อแรงดึงนั้นค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ้าแรงดึงนั้นเพิ่มขึ้นทันทีทันใด สายเบ็ดจะถูกกระตุกขาดได้ง่าย ๆ ข้อนี้ทดลองดูได้โดยเอาสายเบ็ดยาวสัก 5 ฟุต ผูกติดไว้กับตะปู ห้อยน้ำหนักประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของแรงทนแรงดึงสายเบ็ดไว้ ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้น สายเบ็ดจะขาดเมื่อน้ำหนักที่ห้อยไว้เกือบถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ายกน้ำหนักเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ของแรงทนแรงดึงขึ้น 1 ฟุต แล้วปล่อยให้ตกลง สายเบ็ดจะถูกดึงขาดได้ เมื่อสายเบ็ดอยู่กับคัน แรงกระชากทันทีทันใดจะดึงคันเบ็ดให้โน้มลงก่อน แรงที่ดึงคันเบ็ดให้โน้มลงนี้จะเพิ่มขึ้นในอัตราก้าวหน้าด้วย แรงกระตุกที่สายเบ็ดจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด สายเบ็ดจะทนแรงดึงได้เต็มที่ตามกำลังของมัน
ทำหน้าที่เป็นคานสำหรับวัดเบ็ด
คิดถึงสภาพการตกปลาที่สมบูรณ์ที่สุด สายเบ็ดซึ่งเป็นเครื่องเชื่อมโยงระหว่างนักตกปลากับตัวเบ็ดจะต้องตึงตลอดเวลา เมื่อปลากินเหยื่อ นักตกปลากระตุกสายเบ็ดเป็นระยะทางสั้น ๆ ก็เพียงพอสำหรับฝังคมเบ็ดเข้าไปในปากปลาจนมิดเงี่ยง แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว สายเบ็ดจะไม่ตึงอยู่ตลอดเวลา กระแสลม กระแสน้ำจะทำให้สายเบ็ดหย่อนตกท้องช้าง โดยเฉพาะการตกปลาโดยใช้ทุ่นลอยสายเบ็ดจะหย่อนมาก เมื่อบวกด้วยความยืดหยุ่นของสายเบ็ดเข้าด้วยแล้วปัญหาจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ถ้าไม่ใช้คันเบ็ดช่วยวัดเบ็ดแล้ว ระยะทางการกระตุกสายเบ็ดด้วยมือเปล่าจะได้ระยะทางเต็มที่ประมาณ 2 ฟุต ซึ่งไม่เพียงพอที่จะฝังคมเบ็ด แต่ถ้าใช้คันเบ็ดยาว 6 ฟุต วัดเบ็ดเป็นมุมประมาณ 60 องศา ปลายคันเบ็ดจะดึงสายเบ็ดเคลื่อนที่ได้ถึง 6 ฟุต ซึ่งพอเพียงที่จะฝังคมเบ็ดลงในปากปลาได้ เมื่อบวกด้วยแรงเฉื่อยที่คันเบ็ดดึงให้ตัวเบ็ดเคลื่อนที่ต่อไปได้แล้ว นักตกปลาย่อมมีโอกาสดีขึ้น
นอกจากหน้าที่ใหญ่สามประการที่กล่าวมาแล้ว คันเบ็ดยังทำหน้าที่อื่นอีก เช่น ช่วยยกเหยื่อหรือปลาเล็กที่ตกได้ให้พ้นสิ่งกีดขวางชายตลิ่ง ช่วยบอกว่าปลากินเบ็ดแล้วโดยดูจากปลายคันที่สั่นไหว
ความยาวของคันเบ็ด
เพื่อให้พิจารณาเรื่องความยาวของคันเบ็ดได้ง่ายเข้า เราสมมติให้คันเบ็ดเป็นรัศมีของวงกลมซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงมือจับ เมื่อเหวี่ยงเบ็ดคันเบ็ดจะเคลื่อนที่วัดได้เป็นมุมระหว่างตำแหน่งเหวี่ยงกลับหลังสุดไปถึงตำแหน่งเมื่อคันเบ็ดหยุดนิ่งด้านหน้า เมื่อมองภาพเช่นนี้จะเห็นได้ว่าในมุมเท่ากัน ในเวลาเท่ากัน คันเบ็ดที่ยาวกว่าจะมีปลายคันเคลื่อนที่ไปเป็นระยะทางมากกว่าคันสั้น ถ้ามุมที่คันเบ็ดเคลื่อนที่ไปนี้เท่ากับ 90 องศา คันยาว 6 ฟุต ปลายคันจะเคลื่อนที่ไป 2 x 22 x 6 หารด้วย 4 x 7 หรือ 9.4 ฟุต แต่ถ้าคันเบ็ดยาว 7 ฟุต ปลายคันเบ็ดจะเคลื่อนที่ไปได้ 11 ฟุต ดังนั้นเราอาจสรุปว่า (เมื่อองค์ประกอบอื่นเท่ากัน) คันเบ็ดยาวจะเหวี่ยงเหยื่อออกไปได้ไกลกว่าคันสั้น ทั้งนี้เพราะเหยื่อเริ่มเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วสูงกว่า
ถ้าเช่นนั้นคันเบ็ดยิ่งยาวยิ่งดีหรือ เปล่าเลย การสรุปเช่นนี้เป็นจริงเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นเอง ถ้ามองอีกแง่หนึ่งจะเห็นได้ว่าคันเบ็ดยิ่งยาว นักตกปลาจะต้องออกแรงเหวี่ยงมากขึ้น และเมื่อปลากินเบ็ดแล้ว นักตกปลาที่ใช้คันเบ็ดยาวจะต้องออกแรงสู้กับปลามากขึ้นอีกเหมือนกัน เนื่องจากคันเบ็ดมีลักษณะเป็นคานงัด ถ้าพูดตามภาษาฟิสิกส์ ระยะทางจากปลายคานงัดถึงจุดฟัลครัมยาวขึ้น
ถ้าเช่นนั้นคันเบ็ดยาวเท่าไรถึงจะดึในเมื่อสูตรคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ก็บอกอะไรไม่ได้ จากการทดลองและหาค่าเฉลี่ย (คราวนี้สถิติ) คันเบทคาสติ้งควรยาว 5 - 6 ฟุต คันสปินนิ่ง 6 - 7 ฟุต และคันสปินคาสติ้ง อยู่ระหว่างกลาง นักตกปลาต้องใช้วิจารณญาณเอาเองเมื่อต้องการใช้คันเบ็ดแปลกไปจากนี้ เช่นเมื่อต้องการเหวี่ยงเหยื่อที่เบามากโดยคันสปินนิ่ง อาจต้องชั้นเบ็ดยาวออกไปเป็น 8 ฟุต หรือถ้าจำเป็นต้องใช้คันเบ็ดในที่จำกัดมีสิ่งกีดขวางทั้งด้านข้างด้านบนมาก ก็ลดความยาวของคันเบ็ดลงเป็น 5 ฟุตครึ่ง
แอ็คชั่นของคันเบ็ด
ลองถามนักตกปลาดูสิบคนว่าแอ็คชั่นของคันเบ็ดคืออะไร คุณอาจจะได้คำตอบออกมา 10 อย่างโดยไม่ซ้ำกันเลย คราวนี้ลองอีกที เอาคันเบ็ดคันเดียวกันให้นักตกปลาทั้ง 10 คน ลองใช้เหวี่ยงดูแล้วถามว่าแอ็คชั่นเป็นอย่างไร คุณจะแปลกใจอีกว่าคำตอบที่ออกมาก็ไม่เหมือนกันอีกอยู่นั่นแหละ
แอ็คชั่นของคันเบ็ดโดยเนื้อแท้แล้วคือลักษณะการโค้งของคันเบ็ดเมื่อมีแรงกระทำจากภายนอก
คันเบ็ดรุ่นเดียวกัน ความยาวเท่ากัน น้ำหนักเหวี่ยงเท่ากัน รูปทรงภายนอกอย่างเดียวกัน แต่แอ็คชั่นต่างกัน เมื่อคุณแขวนน้ำหนักเท่ากันไว้ที่ปลายคัน คันเบ็ดแอ็คชั่น A จะโค้งงอลงมาถึงตรงส่วนนับจากปลายคันประมาณ 1/3 คันที่มีแอ็คชั่น B จะโค้งถึง ½ และคันแอ็คชั่น C จะโค้งเข้ามาถึง 2/3 ของความยาว
การที่คันเบ็ดมีแอ็คชั่นต่างกันนี้ เนื่องจากในการสร้างคันเบ็ด ผู้สร้างออกแบบให้เนื้อวัสดุที่ใช้ทำคันเบ็ดหนาบางต่างกันภายใน
แอ็คชั่นของคันเบ็ดแทนที่จะเรียกเป็น A, B หรือ C ตามที่กล่าวแล้ว ยังมีวิธีเรียกอย่างอื่นต่างไปอีก เช่น
FAST, MEDIUM, SLOW ACTION
HEAVY, MEDIUM, LIGHT ACTION
STIFF, MEDIUM, LIMBER ACTION
PROGRESSIVE TAPER, FAST TAPER
ผู้ผลิตบางรายมีศัพท์เฉพาะสำหรับเรียกแอ็คชั่นคันเบ็ดของตัวเอง เช่น ABU มีคันเบ็ด แอ็คชั่นซูม และพาราซูม คัน Fly มีชื่อแอ็คชั่นเฮวิท และพาราโบลิค แต่ข้อเท็จจริงที่ต้องระลึกไว้คือไม่มีมาตรฐานสากลสำหรับแอ็คชั่น ผู้ผลิตรายหนึ่งอาจเรียกแอ็คชั่นของตนว่าแอ็คชั่น A แต่คันเบ็ดคันเดียวกันนั้น ผู้ผลิตอีกรายเรียกว่า แอ็คชั่น B เท่านั้น
แอ็คชั่นของคันเบ็ดกับนักตกปลา
นักตกปลามือใหม่จะไม่มีความเห็นเกี่ยวกับแอ็คชั่นเท่าใดนัก การเลือกคันแอ็คชั่น B หรือ MEDIUM นับเป็นการฉลาดที่สุด ต่อเมื่อใช้คันเบ็ดนั้นจนชำนาญและสร้างนิสัยในการใช้ขึ้นแล้ว เขาจะรู้สึกเองว่าต้องการคันที่ แข็งหรือ อ่อนกว่านั้น แต่นักตกปลาในบ้านเราอาจไม่มีทางเลือก เพราะยังไม่เคยเห็นร้านค้าไหนสั่งคันเบ็ดรุ่นเดียวกันเข้ามาครบทุกแอ็คชั่นเลย
กำลังของคันเบ็ด
คันเบ็ดทุกคันถูกสร้างขึ้นมาโดยให้มีจุดหนึ่งซึ่งคันเบ็ดทำหน้าที่ได้เต็มที่คือทุก ๆ นิ้วของคันเบ็ดออกกำลังดึง ถ้าเลยจากจุดนั้นไปแล้วคันเบ็ดจะทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ส่วนที่จะเริ่มหมดกำลังก่อนคือส่วนปลายของคัน โดยมันจะเหยียดออกเป็นเส้นตรงในทิศทางเดียวกับสายเบ็ด ไม่มีกำลังสปริงในตัว ตัวอย่างในเรื่องนี้คือ ใช้เหยื่อหนักเกินไป หรืออัดปลาใหญ่เกินไป เมื่อถึงจุดออกกำลังเต็มที่แล้วคันเบ็ดจะอยู่ในสภาพพร้อมที่จะหักได้ทุกเวลา นักตกปลาที่ใช้อุปกรณ์สมัยใหม่โชคดีที่อาจปรับเบรกช่วยได้
โดยปกติผู้ผลิตจะไม่แจ้งกำลังของคันเบ็ด แต่จะแจ้งช่วงระยะที่คันเบ็ดทำงานได้ดีที่สุดไว้ เช่น คันเบ็ดสำหรับใช้เหวี่ยงจะมีอักษรบอก CASTING WEIGHT ไว้ที่คัน ถ้าคนเห็นข้อความว่า CASTING WEIGHT 10 - 20 กรัม หมายความว่า คันเบ็ดนั้นออกแบบมาให้ทำงานดีที่สุดเมื่อใช้เหยื่อหนัก 10 - 20 กรัม ช่วงการเหวี่ยงนี้อาจบอกได้ด้วยว่า คุณมีความชำนาญในการเหวี่ยงแค่ไหน ถ้าคุณต้องใช้น้ำหนักถึง 20 กรัม จึงได้ระยะทางการเหวี่ยงเต็มที่ แปลว่าคุณยังไม่ชำนาญเท่าใดนัก เพราะผู้เชี่ยวชาญอาจเหวี่ยงได้ระยะทางเท่ากัน โดยใช้เหยื่อน้ำหนักเพียง 10 กรัม เท่านั้น
ในคันเบ็ดทรอลลิ่ง ระบบการบอกกำลังของคันเบ็ดจะบอกเป็นขนาดของสายเบ็ดซึ่งเหมาะสมกับคันนั้น ที่เรียกกันว่าคัน 20 ปอนด์ หมายถึง คันออกแบบมาพอดีใช้กับสาย 20 ปอนด์เทสต์
ถ้าคุณใช้สาย 30 ปอนด์ ใส่เข้าไป ปรับเบรกแน่นเต็มที่แล้วออกแรงดึง คันเบ็ดมีโอกาสหักก่อนที่สายจะขาดได้นะครับ

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เทคนิคการตกปลากด





        สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว ฟิชชิ่งทุกท่านวันนี้ผู้เขียนก็มีเทคนิคการตกปลามาฝากกันเช่นเคยครับ ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงน้ำเยอะนะครับ เลยอยากจะมาแนะนำวิธีการตกปลาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านและนำไปทดลองกันอีกครับ วันนี้ผู้เขียนขอแนะนำเรื่อง วิธีการตกปลากดแล้วกันนะครับ ปลากดเนี่ย จริง ๆ แล้วก็มีหลายสายพันธ์ อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำที่หลากหลาย เช่น เขื่อน อ่างเก็บน้ำต่าง ๆ และ แม่น้ำ โดยปลากดนั้นเป็นปลาที่สามารถปรับตัวได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ปลากดเป็นปลาหนังที่ได้รับความนิยมในการปริโภคมากทีเดียว และหลายต่อหลายคนคงจะติดใจกับหนังของปลากดคังให้ที่ความเหนียวนึด เมื่อทานเข้าปากไปเมื่อไหร่ก็จะได้ความสนุกสนานในการรับประทานอาหารมื้อนั้น ๆ พูดถึงก็นึกอยากทานขึ้นมาเสียแล้วละครับ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของปลากดนี้เองที่ทำให้นักตกปลานั้นต้นคนหาวิธีพิชิตปลากด แล้วนำมาเป็นเมนูอาหารแสนอร่อยให้ได้
 มาเริ่มกันที่อุปกรณ์เลยนะครับ ปลากดนั้นอย่างที่บอกไปว่ามีมากถึง 20 กว่าสายพันธุ์เลย มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ๆ เอาเป็นว่าถ้าจะตกปลากดแล้วละก็ควรเลือกอปุกรณ์ แบบนี้ครับ

การเลือกอปุกรณ์สำหรับตกปลากด

คันเบ็ดและรอก ใช้ได้ทั้งชุดสปินนิ่งและเบทคาสติ้ง มีแบบไหนลองเอาไปใช้กันดูแล้วกันนะครับ ขนาดปานกลางขึ้นไป
สายเอ็น เลือกใช้ได้ตั้งแต่ 8 - 20 ปอนด์
ลีดเดอร์ ใช้สายเอ็นธรรมดาขนาดใหญ่กว่าสายเอ็น 1 - 2 เท่า

กรณีตกด้วยเหยื่อปลอม

** ใช้เหยื่อที่ดำน้ำลึกประกอบเข้ากับ ลีดเดอร์ และลูกหมุน ตีเหยื่อไปยังพื้นที่ที่คิดว่ามีตัว**

กรณีตกหน้าดิน

**การประกอบเบ็ดก็ทำเหมือนการตกปลาหน้าดินทั่วไป
ตะกั๋ว อันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่นะครับ ถ้าหากน้ำไหล ก็ใช้ตะกั่วขนาดใหญสักหน่อย แต่ถ้าน้ำนิ่ง ก็สามารถใช้ก้อนเล็กๆ ได้ครับ**

กรณีตกด้วยทุ่นลอย

** ประกอบชุดโดยใช้ทุ่น ความยาวสายลีดเดอร์จากทุ่นถึงตัวเบ็ด 1 - 2 เมตร การตกปลากดวิธีนี้ส่วนมากจะกินดีตอนหัวค่ำนะครับ**

การเลือกพื้นที่ตกปลากด 
การตกปลากดนั้นเรื่องของแหล่งตกปลาเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง การตกปลากดนั้นนักตกปลาต้องดูทั้งเรื่องพื้นที่ และช่วงเวลานะครับ ปลากดจะกินเหยื่อดีตอนน้ำเปลี่ยนสีนะครับ โดยเฉพาะน้ำแดง น้ำหลาก เหมือนตอนนี้ ปลาจะกินดีเป็นพิเศษ แต่จริง ๆ แล้วปลากดเป็นปลาที่สามารถตกได้ทั้งปีนะครับ และที่สำคัญก็ต้องดูว่ามีตัว ถ้าไม่มีตัวก็คงไม่ได้จริงไหมครับ พื้นที่ที่ตกปลากดได้นั้นมีตั้งแต่ ประตูน้ำใหญ่ ๆ ตอหม้อ สะพานปูนต่าง  ๆ มักจะมีปลากดอาศัยอยู่

เหยื่อสำหรับตกปลากด

ปลากดเป็นปลาที่กินทั้งพืชทั้งสัตว์ ทำให้เหยื่อในการตกปลากดนั้นค่อนข้างหลากหลาย อันได้แก่ เหยื่อจำพวกไส้เป็ด ไส้ไก่, ไส้เดือน, ลูกปลาเป็น, เหยื่อหมัก (อันนี้มีหลายสูตรนะครับ หมักหอม หมักเหม็น หมักเย็น แล้วแต่จะเลือกใช้นะครับ) ผลไม้จำพวกกล้วย, มะละกอ, และเหยื่อปลอม

สำหรับใครที่ชอบตกปลากด ผู้เขียนฝากไว้อีกสักนิดนะครับ ว่าการเลือกช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องสำคัญ ปลากดจะกินเหยื่อดีตอนน้ำแดงน้ำหลาก  ถ้าเป็นไปได้ลองไปตอนช่วงแบบนี้ครับ ลองเลือกพื้นที่ตกดี ๆ ถ้าหากเป็นแม่น้ำ ก็ให้ลองเดินไปหาโค้งน้ำ เพราะบริเวณแบบนี้ จะมีขอนไม้ หรือต้นไม้ลอยมาติดอยู่ใต้น้ำ หรืออาจจะมีต้นไม้ที่โดนกระแสน้ำเซาะตลิ่งแล้วล้มมาอยู่บริเวณเหล่านี้ เมื่อกระแสน้ำพัดเอาซากพืชซากสัตว์มาก็จะมาติดอยู่บริเวณนี้ จนหลายเป็นแหล่งหากินของปลากดครับ

การตกปลากดนั้นสิ่งที่ต้องระวังอีกหน่อยก็คือเงี่ยง หรือครีบของปลากดนั้นแหละครับ ตรงนี้จะแข็งและมีลักษณะเป็นฟันเลื่อย ผมเลยโดยมันปักเข้านิ้วไปแบบเต็ม ๆ ติดแบบดึกไม่ออกเลยทีเดียวครับ และเมื่อปลายิ่งดิ้นเราก็จริงเจ็บ ครั้งนั้นผมเลยตัดสินใจออกแรงดึง อย่างแรง เมื่อดึงออกเลือดผมกิ่งพุ่งออกมาแบบว่าน่ากลัวจริง ๆ ครับ เจ็บชะมัดเลย เลยเอามาเตือนเพื่อน ๆ เรื่องนี้กันไว้สักนิดครับ

เอาแหละครับ ผู้เขียนก็จบเรื่องการตกปลากด ไว้แต่เพียงเท่านี้ อาจจะไม่ถูกต้องครบถ้วน แต่ก็หวังว่าคงเป็นแนวทางให้สำหรับคนที่สนใจการตกปลากด ได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ